เที่ยวต่างประเทศ

เที่ยวย่างกุ้ง พะโค ด้วยตัวเอง

เที่ยวย่างกุ้ง พะโค ด้วยตัวเอง

วางแผนการเดินทาง

การเดินทางครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่สองในการเที่ยวประเทศพม่า ซึ่งได้รับผลจากที่ได้มาทำงานที่พม่า 2 วัน 1 คืน อีกแล้ว แต่รอบนี้ได้เที่ยวมากกว่ารอบที่แล้วครับ แต่ความประทับใจยังเหมือนเดิมเสมอครับ

ส่วนการเข้าประเทศนั้นต้องการทำวีซ่า ซึ่งแบ่งเป็นการขอวีซ่าออนไลน์ (Visa on arrial) และการขอวีซ่าจากสถานทูตพม่าประจำประเทศไทย

ควรแลกเงิน Kyats ก่อนเดินทางจะดีมากครับ วิธีที่แนะนำคือให้เอาเงินบาทไทยแลกเป็นสกุล USD ไปก่อนแล้วค่อยเอาไปแลกเป็นสกุล Kyats ที่พม่าอีกทีครับ ซึ่งทางประเทศพม่าจะไม่รับแลกเงินไทยนะครับ

ท่านใดต้องการแลกเปลี่ยนในประเทศไทย ซึ่งหากท่านสะดวกแลกเงิน แนะนำ Superrich เลยครับ  จะได้อัตราการแลกเปลี่ยนที่ดีทีสุด แต่ท่านใดไม่สะดวกไปแลกที่ดังกล่าว สนามบินสุวรรณภูมิก็มีให้แลกครับ อัตราจะอยู่ประมาณ 1 USD = 1,000 Kyats หรือ 1 บาท = 33 Kyats ครับ

เดินทางวันแรก

เดินทางไปย่างกุ้งด้วยสายการบิน Airasia เที่ยวบิน FD2751 ถึงย่างกุ้ง 08:00 น. โดยขึ้นเครื่องที่สนามบินดอนเมืองครับ

ส่วนเวลาเข้าประเทศต้องกรอกเอกสารตรวจคนเข้าเมือง กับใบสำแดงของที่นำเข้าประเทศขออนุญาติเอารูปเดิมมาลงนะครับ

จึงสนามบินย่างกุ้งกันแล้ว ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง ไม่ยากเย็น ไม่ถามอะไรเลยเหมือนเดิม ต่อคิวประทับตา ถ่ายรูป ผ่านเลยครับ

หลังจากถึงสนามบินแล้ว นำสัมภาระขึ้นรถตู้ ซึ่งค่าเช่ารถตู้พร้อมน้ำมัน

ราคารถตู้รอบนี้วันละ 80,000 Kyats ต่อ 10 ชั่วโมง สำหรับการเดินทางในเมืองย่างกุ้ง และ 150,000 Kyats ต่อ 10 ชั่วโมง สำหรับเดินทางไปเมืองพะโค ส่วนหากเกิน 10 ชั่วโมง เอาราคาวันนั้นหารเป็นราคาต่อชั่วโมงเลยครับ เช่น วันละ 80,000 Kyats ถ้าเกิน 10 ชั่วโมงก็ชั่วโมงละ 8,000 Kyats ครับ

จุดหมายปลายแรกวันนี้ ต้องไปทำงานกันก่อน แต่เนื่องจากวิวสวยมาก เผื่อเอารูปมาฝากกันครับ

จบจากโปรแกรมทำงานแล้ว ได้เวลาเที่ยวกันแล้ว

แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้อง กินข้าวเที่ยงกันก่อนที่ร้านอาหาร Pattaya Restaurant เป็นร้านอาหารไทย รสชาติอร่อย ชวนให้คิดถึงบ้าน ราคาแอบแพงไปนิดครับ เหมาะสำหรับไว้พาแขกหรือผู้ใหญ่มารับประทานอาหารได้ดีทีเดียวครับ

สถานที่แรกวันนี้ คือ พระเจดีย์สุเล เพื่อไหว้เทพทันใจเป็นสิริมงคลกันก่อนครับ

พระเจดีย์สุเล มีอายุกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของกรุงย่างกุ้ง เป็นศาสนสถานหลักใจกลางกรุงร่างกุ้งมานานหลายร้อยปี อังกฤษถือเอาที่นี่เป็นศูนย์กลางของเมืองเมื่อตัดสินใจสร้างเครือข่ายถนนขึ้นกลางศตวรรษที่ 19  สุเหล่เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยมตั้งแต่องค์ระฆังขึ้นไปจนถึงชั้นบาตรคว่ำ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่สุเลนัต หนึ่งในสี่นัตที่เกี่ยวข้องกับตำนานของพระมหาเจดีย์ชเวดากอง

ขอบคุณข้อมูล : http://www.a-sean.com/?p=467

สามารถจอดรถฝั่งวงเวียนด้านขวาแล้วเดินข้ามถนนมาได้เลย เจดีย์จะอยู่ตรงกลางเปรียบเสมือนสิ่งศักด์สิทธิ์กลางใจเมืองเลยครับ

ค่าเข้าชม 3,000 Kyats รวมกับค่าดอกไม้สำหรับไหว้เทพทันใจอีกคนละ 800 Kyats ที่สำคัญต้องถอดรองเท้า ทางที่ดีเตรียมถุงไว้ด้วยก็ดีครับ

เดินขึ้นมาด้านบน วนมาทางขวาซักพัก ก็จะเจอทางเข้าสำหรับไหว้องค์เทพทันใจครับ

ขั้นตอนการสักการะ หรือ ขอพรจากเทพทันใจ มีดังนี้ครับ
1. สามารถขอพรได้ครั้งละ 1 ข้อเท่านั้น
2. แจ้งชื่อกับผู้ทำพิธี แล้วผู้ทำพิธีจะขอดอกไม้ กับธนบัตร 2 ใบ
3. ธนบัตรจะถูกนำไว้บริเวณมือเทพทันใจ 2 ใบ แล้วจะให้เราเอามือทั้งสองไปไว้บริเวณมือองค์เทพ แล้วเอาหัวจรดบริเวณนิ้วชี้องค์เทพทันใจ
4. ผู้ทำพิธี จะร่ายคาถา จากนั้นจะให้ธนบัตรเราคืน 1 ใบ พร้อมดอกไม้ เก็บไว้เป็นสิริมงคล เป็นอันจบพิธีครับ

ไหว้เทพทันใจกันแล้ว มาเดินชมบรรยากาศโดยรอบกันครับ

สถานที่ที่สอง และเป็นจุดหมายปลายทางสุดท้ายของวันนี้ คือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวดากอง 

ตั้งอยู่บริเวณเนินเขาเชียงกุตระ เมืองย่างกุ้ง ประเทศพม่า เชื่อกันว่าเป็นมหาเจดีย์ที่บรรจุพระเกศาธาตุของพระพุทธเจ้าจำนวน 8 เส้น

ปัจจุบันพระเจดีย์มีความสูง 326 ฟุต เส้นรอบวง 1,420 ฟุต สูงกว่าระดับน้ำทะเล 190 ฟุต ประดับด้วยแผ่นทองคำ 4 หมื่นแผ่น รวมน้ำหนักทอง 8 ตัน สำหรับฉัตรซึ่งครอบยอดเจดีย์ ก็มีการซ่อมแซมหรือสร้างขึ้นใหม่มาเป็นระยะๆ ฉัตรเก่าสร้างในสมัยพระเจ้ามิน ดงในปี ค.ศ. 1871 สูง 33 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 18 ฟุต ขณะนี้ก็ยังตั้งไว้ให้ประชาชนได้ชมอยู่ ครั้งล่าสุดได้มีการสร้างฉัตรขึ้นใหม่เมื่อ 8 ปีที่ผ่านมานี้เอง โดยประดับเพชรพลอยรวมถึง 4,351 เม็ดรวม น้ำหนัก 2,000 กะรัต เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดบนยอดฉัตรมีฐานกว้าง 2 ฟุต ยาว 1 ฟุต 10 นิ้ว และหนัก 76 กะรัต

การสักการะพระเจดีย์ ทางเข้าพระเจดีย์ชเวดากองมีทั้ง 4 ทิศ ค่าเข้าชม 8 USD สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ

ทางเข้าใหญ่คือทางทิศใต้ซึ่งมีสิงห์นั่งสองตัวสูง 30 เมตรเฝ้าทางเข้าอยู่ เมื่อเข้าไปถึงที่ทำการของคณะกรรมการบริหารชเวดากอง ก็จะได้รับการเชื้อเชิญให้เข้าไปในห้องเพื่อถอดรองเท้าแล้ว ขึ้นลิฟต์ซึ่งจะขึ้นถึงลาน ใหญ่ของพระเจดีย์เลย

สำหรับทางเข้าอื่นๆ จะต้องเดินขึ้นบันไดเท่านั้นครับ

เจดีย์ชเวดากอง ตอนกลางคืนทิศ ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปของพระพุทธเจ้าที่มีมาแล้วทั้ง 4 พระองค์คือ พระกักกุสันโธ พระโกนาคม พระกัสสปะ และพระโคตมะองค์ปัจจุบันให้ประชาชนได้กราบไหว้ทำบุญด้วยรวมถึงการไปตีระฆัง สิงคุที่เล่ามาแล้วด้วย 3 ครั้ง

นอกจากนั้นก็มีลานอธิษฐานซึ่งเชื่อกันว่าศักดิ์สิทธิ์มาก และเท่าที่ทราบก็เคยมีคนใหญ่คนโตของไทยไปตั้งจิตอธิษฐานจนประสบความสำเร็จมา หลายท่านแล้ว และก็ยังมีอีกจุดหนึ่งบนลานซึ่งเขาทำจุดให้ยืนไว้ซึ่งจะทำให้มองเห็นประกาย เพชรบนยอดฉัตรได้ด้วยตาเปล่า

ที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือจะมีพระพุทธรูปและสัตว์สัญลักษณ์ประจำวันเกิด ตั้งอยู่รอบ ๆ ลานเป็นคู่ ๆ ด้วย โดยเชื่อกันว่าการสรงน้ำพระพุทธรูปและสัตว์เหล่านี้ จะสร้างความบริสุทธิ์และความสุขความเจริญแก่ผู้สรงน้ำ โดยจะรดน้ำด้วยขันเล็ก ๆ ที่มีจัดเตรียมไว้ให้เป็นจำนวนเท่าอายุ +1 แต่สำหรับ คนแก่ ๆ ที่อายุ 60-70 ไปแล้วก็อาจจะย่นย่อลง เหลือ 5 ขันก็ได้ ซึ่งหมายถึงพระรัตนะไตรรวมกับบิดามารดานั่นเอง

สัตว์ประจำวันเกิดของพม่าคือ

วันอาทิตย์ – ครุฑ อยู่ที่ทิศตะวันออกเฉียง เหนือของลานเจดีย์
วันจันทร์ – เสือ อยู่ทิศตะวันออก
วันอังคาร – สิงห์ อยู่ทิศตะวันออกเฉียงใต้
วันพุธ (เช้า) – ช้างงา อยู่ทิศใต้
วันพุธ(กลางคืน) – ช้างไม่มีงา อยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
วันพฤหัสบดี – หนู อยู่ทิศตะวันตก
วันศุกร์ – หนูตะเภา (บางคนเชื่อว่าเป็น กระต่ายหูสั้น) อยู่ทิศเหนือ
วันเสาร์ – พญานาค อยู่ทิศตะวันตกเฉียงใต้

ข้อควรเตือนอีกประการหนึ่งสำหรับผู้ที่ประสงค์จะไปนมัสการพระเจดีย์ชเวดากองก็คือ เนื่องจากทุกคนที่ขึ้นไปจะต้องถอดรองเท้า จึงควรจะไปในเวลาไม่เช้า ๆ ก็เย็น ๆ บ่ายคล้อยแล้ว เพราะพื้นลานล้วนเป็นหินอ่อนและกระเบื้องซึ่งจะร้อนจัดมากทีเดียวในขณะที่มีแดด

นอกจากนั้นพระเจดีย์ชเวดากองก็ยังเปิดจนถึง 4 ทุ่มด้วย จะอย่างไรก็ตามถึงแม้ท่านจะต้องขึ้นไปนมัสการพระเจดีย์ชเวดากองในตอนเที่ยงวัน ก็ยังคุ้มค่าเพราะจะได้เห็นสิ่งที่สวยงามมากมายและที่สำคัญก็คือยังได้อิ่ม บุญอีกด้วย

ที่มา : http://www.kammatan.com/board/index.php?topic=611.0

สำหรับที่พักคืนนี้ คือ ที่พัก Myanmar Life Hotel โรงแรมกว้างขวาง ห้องพักสะอาด แถมใกล้สนามบินด้วยครับ จองที่พักคลิกที่นี่

ภาพห้องพัก 

ภาพบรรยากาศ

เดินทางวันที่สอง

โปรแกรมวันนี้ คือ เดินทางไปเมืองพะโค เพื่อตามรอยพระเจ้าบุเรงนอง และพระสุพรรณกัลยา

การเดินทางจากย่างกุ้งไปเมืองพะโค ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงครับ

สถานที่แรก คือ พระมหาธาตุเจดีย์ชเวม­อดอ เป็นพระมหาธาตุเจดีย์สำคัญที่อยู่ในเมืองพะโค(หงสาวดี) เป็นเจดีย์โบราณที่ก่อสร้างมาตั้งแต่สมัยมอญเรืองอำนาจ มีการบูรณะและต่อเติมอีกหลายครั้ง ภายในเจดีย์บรรจุพระเขี้ยวแก้วไว้ตั้งแต่สมัยพระเจ้าราชาธิราช และต่อมาในสมัยพระเจ้าธรรมเจดีย์ได้โปรดให้มีการหล่อระฆังจารึกไว้ที่ฐาน

พระมหาธาตุเจดีย์ชเวมอดอ มีชื่อเรียกในภาษาพม่าและคนไทยก็คุ้นเคยกับชื่อนี้คือ พระธาตุมุเตา แปลว่า “จมูกร้อน” ทั้งนี้เพราะกล่าวกันว่าพระมหาธาตุองค์นี้มีความสูงที่สุดในพม่า จนต้องแหงนหน้ามองต้องกับแสงแดด

ค่าเข้าชม 5 USD

สถานที่ที่สอง คือ พระราชวังกัมโพชธานี ค่าเข้าชม 10 USD

พระราชวังแห่งเมืองหงสาวดี หรือ พะโค ของพระเจ้าบุเรงนอง เป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่สมพระเกียรติ ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของพระมหาธาตุเจดีย์ชเวม­อดอ หรือ พระธาตุมุเตา สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2109 ซึ่งเป็นปีที่ 15 ของการครองราชย์ของพระองค์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พระองค์เรืองอำนาจสูงสุด พระองค์ตัดสินพระทัยเผาพระราชวังเก่าไปเนื่องจากมีการกบฏ

พระราชวังกัมโพชธานีสร้างขึ้นโดยใช้แรงงาน­จากประเทศราชต่าง ๆ และพระองค์โปรดให้ใช้ชื่อประตูต่าง ๆ ทั้งหมด 20 ประตู ตามชื่อของแรงงานประเทศราชที่สร้าง เช่น ประตูทางตอนเหนือปรากฏชื่อ ประตูโยเดีย (อยุธยา) ประตูตอนใต้ชื่อ ประตูเชียงใหม่ อีกทั้งยังมีพระตำหนักของพระสุพรรณกัลยา องค์ประกันที่ตกเป็นเชลยและกลายเป็นมเหสีอ­งค์หนึ่งของพระองค์ด้วย

พระราชวังกัมโพชธานีถูกเผาจนเหลือแต่เพียง­ซาก หลังจากการสวรรคตของพระเจ้าบุเรงนอง ด้วยกบฏยะไข่ พร้อม ๆ กับอาณาจักรตองอูที่เคยเรืองอำนาจเสื่อมลง

จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2533 รัฐบาลพม่าได้ขุดค้นพบซากของพระราชวังที่เ­หลือเพียงแค่ตอไม้ที่โผล่พ้นดินออกมาเท่านั้น และได้มีการเร่งสร้างพระราชวังจำลององค์ให­ม่ขึ้นมา ฉาบด้วยสีทองทั้งหลัง ทั้งที่พื้นดินบริเวณโดยรอบได้ขุดพบโบราณวัตถุต่าง ๆ มากมาย ซึ่งเชื่อว่ายังมีอยู่อีกจำนวนมากที่ยังไม่ถูกขุดขึ้นมา แต่ได้ถูกทางการสร้างพระราชวังทับลงไปแล้ว

แต่ซากไม้ที่ใช้สร้างพระราชวังแต่ครั้งอดี­ตที่ยังหลงเหลืออยู่ได้ถูกจัดแสดง ซึ่งไม้แต่ละท่อนมีตัวอักษรจารึกอยู่ว่าเป็นผลงานของเมืองใด ภายในพระราชวัง มีพระราชบัลลังก์ที่มีชื่อว่า “บัลลังก์ภุมรินทร์” หรือ “บัลลังก์ผึ้ง” ซึ่งสร้างขึ้นมาจากคติเรื่องจักรวาลตามควา­มเชื่อของศาสนาฮินดู

ปัจจุบันพระราชวัง มี 2 ส่วน คือ

  1. ส่วนของพระราชวังที่บรรทม

  1. ส่วนพระราชวังที่ทรงงานว่าราชการกับเหล่าขุนนาง

ก่อนเดินทางกลับสนามบิน แวะกินอาหารที่ ร้านอาหาร YKKO Insein Road, ย่างกุ้ง (ร่างกุ้ง), พม่า

บรรยากาศในร้าน

เมนูและอาหาร

บรรยากาศโดยรอบร้าน

เที่ยวกันเสร็จแล้ว เสียดายเวลาที่หมดไปไวมากครับ ต้องเดินทางกลับกรุงเทพ ด้วยสายการบิน Airasia เที่ยวบิน FD2754 ถึงสนามบินดอนเมือง 19:30 น.

ส่วนทริปต่อไปจะเดินทางไปไหนกัน ติดตามชมเพิ่มเติมกันได้ที่

Facebook : http://www.facebook.com/TeawMuN

หน้าแรกเว็บ

แสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.