เที่ยว ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เที่ยวต่างประเทศ เที่ยวภายในประเทศ

เที่ยวอุบลราชธานี ปากเซ ด้วยตัวเอง

เที่ยวอุบลราชธานี ปากเซ ด้วยตัวเอง

สาเหตุการเดินทางรอบนี้

เนื่องจากได้มีโอกาสมาทำงานที่อุบลราชธานี เลยวางแผนเที่ยวหลังจากเสร็จงาน ซึ่งจากการที่เคยมา เที่ยวปากเซ ดอนโขง ด้วยตัวเอง ก่อนหน้านี้ทริปนึงแล้ว ทริปนี้เหมือนเป็นทริปเก็บตกจากครั้งที่แล้วครับ

เดินทางด้วยสายการบินไทย เริ่มต้นเดินทางจากอุบลราชธานี พักปากเซสองคืนแรก และคืนสุดท้ายกลับมาพักที่อุบลราชธานี ก่อนขึ้นเครื่องกลับตอนเช้าวันถัดไปครับ

 

เดินทางวันแรก

เช้าวันแรกเดินทางไปอุบลราชธานีด้วย สายการบินไทย เวลา 07.30 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 08.35 น.

Pakse (1)

จองที่พัก ผมจองผ่าน agoda.com เว็บนี้ ส่วนเรื่องเที่ยวและการเดินทางของผมมาติดตามกันเลยครับ

การเดินทางไปปากเซ จากอุบลราชธานี ไปได้สองรูปแบบ ได้แก่

รูปแบบแรก นั่งรถโดยสารวิ่งระหว่างประเทศ จากอุบลราชธานี ไปปากเซ ค่าโดยสาร 200 บาท ขึ้นที่สถานีขนส่งอุบลราชธานีครับ เที่ยวรถมีสองเที่ยว คือ 09.30 กับ 12.30 ครับ เวลาเดินทางเร็วขึ้นกว่ารอบแรกที่มา ตรงเวลามากครับ

Pakse (1)

Pakse (2)

รูปแบบที่สอง นั่งรถตู้จากอุบลราชธานี ไปด่านช่องเมก ค่าโดยสาร 100 บาท ขึ้นที่สถานีขนส่งอุบลราชธานี แล้วต่อรถตู้จากด่านช่องเมก ไปปากเซ ค่าโดยสาร 100 บาท รถตู้ขาหลัง ผมบอกว่าเสี่ยงรอนานมาก เพราะรถตู้ที่ปากเซ ถ้าเป็นแบบแชร์กันหลายๆคน ไม่เต็มไม่ออกครับ

Pakse (3)

ผมเลือกเอาสะดวกดีกว่าครับ เลยเลือกเดินทางด้วยบริษัท ขนส่ง จำกัด ที่มีรถโดยสารวิ่งระหว่างประเทศ จากอุบลราชธานี ไปปากเซ ค่าโดยสาร 200 บาท ขึ้นที่สถานีขนส่งอุบลราชธานีครับ

การเดินทางข้ามแดนไปปากเซ สามารถใช้ Boarding Pass กับ Passport ซึ่งต่างกันตรงที่ Boarding Pass จะออกจากตัวเมืองปากเซไม่ได้เลย อยู่เที่ยวได้ไม่เกิน 3 วัน หากไปเที่ยวนอกเมือง ถ้าจากผมไปก็ไม่เจอตรวจอะไร แต่ถ้าเจอตรวจจะถูกจับได้ ไม่คุ้มกันครับ ถ้าต้องการเที่ยวจริงๆ แนะนำใช้ Passport ดีกว่าครับ

Pakse (6)

Pakse (7)

Pakse (8)

ส่วนค่าธรรมเนียมฝั่งไทยไม่เสียครับ ฝั่งประเทศลาว ต้องมาเขียนใบเข้าออกประเทศ แล้วจ่ายค่าธรรมเนียมช่องที่ 6 ครับ

Pakse (9)

ตัวอย่างใบเข้าออกประเทศครับ

Pakse (10)

ถ้าเป็น Passport จากครั้งที่แล้ว จำได้ว่าโดนเจ้าหน้าที่หลอกให้ผมจ่ายไป 100 บาท รอบนี้เลยเตรียมพร้อมมาดี เตรียมธนบัตรใบละ 20 บาท ปรากฏว่า เจ้าหน้าที่เก็บผมแค่ 40 บาท ครับ ^_^

ที่พักสองคืนแรก จอง ที่พัก โรงแรมไพดาว (Phi Dao Hotel) โรงแรมเดิมที่ปากเซ Phathana Lakmuang 13 Raod, ถนนหมายเลข 13 ใต้, ปากเซ, ลาว (ดูแผนที่)  รอบนี้ให้เพื่อนมารับ ประหยัดได้ 80 บาทครับ 

Pakse (27)

Pakse (27)

Pakse (21)

Pakse (109)

Pakse (110)

Pakse (111)

Pakse (112)

Pakse (113)

หลังจากเก็บข้าวของกันแล้ว เช่ารถมอเตอร์ไซค์บริเวณที่พัก ค่าเช่าวันนี้ 400 บาท ต่อ 24 ชั่วโมง เช่าตอนเย็นของการเดินทางวันแรก แต่เจ้าของใจดีบอกว่า คืนเช้าของวันที่ 3 ก็ได้ครับ ซึ่งการเช่าจองต้องใช้หนังสือเดินทางในการจอง แต่ไม่ต้องห่วงตำรวจตรวจครับ เพราะทางร้านจะให้ใบจองมาให้เจ้าหน้าที่ตรวจครับ ส่วนเรื่องน้ำมันตอนออกร้านจะเติมให้เต็ม เราก็ต้องเติมกลับมาให้เต็ม แต่ถ้าไม่เติมร้านจะของเพิ่มอีก 100 บาทสำหรับค่าน้ำมันครับ

เช่ารถเสร็จแล้ว ตะลอนทัวร์ริมโขงตอนเย็นกันครับ แต่รูปออกมาไม่ค่อยสวยเท่าที่เห็นเลยครับ แอบผิดหวังนิดๆ ครับ

Pakse (22)

เดินทางวันที่สอง

โปรแกรมหลัก คือ ขับรถไปเที่ยว ปราสาทหินวัดพู เป็นโบราณสถานในประเทศลาว ซึ่งเป็นมรดกโลกแห่งที่สองของประเทศลาว ตั้งอยู่บนเนินเขาภู หรือเรียกกันว่าภูควาย ห่างจากตัวเมืองเก่าจำปาสักประมาณ 6 กิโลเมตร อยู่ห่างจากปากเซ 40 กิโลเมตร ลักษณะของปราสาทเป็นเทวสถานขอม คล้ายกับเขาพระวิหาร สร้างในราวพุทธศตวรรษที่ 12 ในสมัยของพระเจ้ามเหนทรวรมัน ถือว่าเป็นปราสาทหินที่มีอายุเก่าแก่ที่สุด

การเดินทางไปปราสาทหินพู

สามารถเช่ารถขับไปจากปากเซได้สบายๆครับ รถยนต์วิ่งน้อย ถนนดีตอนทางครับ

ราคาค่าฝากรถ 3,000 กีบ ค่าเข้าชม 45,000 กีบ ซึ่งราคานี้รวมค่าเข้าชม ปราสาทหิน พร้อมรถกอล์ฟไฟฟ้ารับส่ง ครับ

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

นั่งรถกอล์ฟไฟฟ้าเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร ก็ถึงตัวปราสาทครับ

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

แต่การเที่ยวปราสาทหินวัดพูวันนี้อากาศช่างไม่เป็นใจกับเราซะเลย ฝนตกหนักจนผมอดได้ภาพจากมุมสูง เลยตัดใจกลับมา ที่ร้านกาแฟ บริเวณจุดซื้อตั๋วเพื่อหลบฝนครับ

Pakse (22)

สั่งโกโกร้อนซะแก้วช่วงฝนตกหนัก ได้บรรยากาศชิวๆ มากเลยครับบ

Pakse (22)

หลังจากนั่งหลบฝนซักพักใหญ่ร่วมชั่วโมงทีเดียว ฝนเริ่มซาลง ผมเลยตัดสินใจเบิ่งขับรถกลับปากเซให้ไวที่สุด เพื่อที่จะไม่เจอฝนอีก

แต่เกิดเหตุการณ์ที่ผมเองก็ไม่คาดคิด ขับมาได้ซักไม่เกิน 15 นาที ฝนตกลงมาอีกครั้ง คราวนี้หนักกว่าเดิมอีก และปัญหาใหญ่ของผมคือไม่มีที่หลบฝน เลยยอมฝ่าฝนไปเรื่อยๆ หนาวก็หนาว เป็นทริปที่สุดๆจริงๆ ในที่สุดก็ขับมาเจอปั๊มน้ำมัน ผมเลยแวะแบบไม่ต้องคิดเลย ถือว่าเติมน้ำมันให้เต็มแล้วหลบฝนไปไหนตัวด้วยครับ

พอเติมน้ำมัน 22000 กีบ เลยขอแวะหลบฝน ชาวบ้านน่ารักมาก ให้ผมหลบฝนแถมยังเอาน้ำมาให้ผมกินด้วย ประทับใจคนที่นี่มากจริงๆ

หลังจากฝนเริ่มหยุดตก ทำการขอบคุณและร่ำลากันแล้ว ขับรถต่ออีก 25 กิโลเมตร ถึงตัวเมืองปากเซด้วยสภาพมอมแมมจากขับรถลุยฝนมา เข้า ที่พัก โรงแรมไพดาว (Phi Dao Hotel) ทำการอาบน้ำอาบท่าเพื่อป้องกันไข้หวัดถามหา เดี๋ยวจะเที่ยวต่อไม่สนุกเอาครับ

กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ เลยลงมาที่ห้องพักมากินข้าวร้านด้านล่างโรงแรม สั่งอาหารมากินตอนหิวช่างมีความสุขเหลือเกิน

เมนูที่สั่ง คือ สปาเก๊ตตี้หมู พร้อมเฟรนฟรายซ์ทอด แจ่มตามภาพเลยครับ ^_^

Pakse (22)

อิ่มหนำสำราญกันแล้ว หลังจากเที่ยว ปราสาทหินวัดพู เลยขับรถชิวๆ ไปสะดุดตากับแผงร้านค้าจำนวนมาก เลยจอดแวะถามซะเลย ปรากฏว่าเป็นร้านขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งที่ปากเซจะออกรางวัลทุกวันอังคาร กับวันศุกร์ ผมเลยอุดหนุนไป 1,000 กีบเป็นการทำบุญให้เอาอุดหนุนรัฐบาลลาวและกัน เพราะผมซื้อของพวกนี้ไม่เคยจะถูก ซื้อเพียงอยากรู้เท่านั้นครับ

Pakse (22)

หลังจากตะลอนได้รอบนึงแล้ว อาจจะเป็นเพราะสภาพมอมแมมจากการเปียกฝน พอกินอิ่มแล้วผมกะนั่งผ่อนคลาย รอเย็นแล้วจะออกมาตะลอนทัวร์อีก ปรากฏว่าหลับยาวถึงเช้าเลยจ้า สะดุ้งมาอีกทีตอนตีสี่ เลยอดเที่ยวตามระเบียบครับ

เดินทางวันที่สาม

เช้านี้ต้องคืนรถมอเตอร์ไซค์ตามสัญญากับเจ้าของแล้ว เลยทำให้เช้านี้ต้องเที่ยวบริเวณใกล้ๆที่พัก ซักที่แรกที่จะพาไปเที่ยววันนี้คือ

วัดหลวง หรือวัดโพธิ์ระตะนะสาสะดาราม สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2478  เป็นวัดเก่าแก่และเป็นโรงเรียนสงฆ์แห่งแรกของจำปาสัก

Pakse (22)

บรรยากาศภายในวัด

Pakse (22)

Pakse (22)

บรรยากาศในอุโบสถ

Pakse (22)

บรรยากาศริมแม่น้ำ

Pakse (22)

หลังจากเที่ยว วัดหลวง กันแล้วได้เวลาอาหารมื้อสุดท้ายที่ปากเซ ก่อนเดินทางกลับอุบลราชธานี ด้วยรถทัวร์ บขส. รอบ 15.30 ครับ

Pakse (22)

กินของคาวกันแล้ว ตบท้ายด้วยของหวานกันบ้าง

Pakse (22)

อิ่มแบบจัดเต็มกันแล้ว ได้เวลาเดินทางกลับอุบลราชธานีแล้วจ้าาา

Pakse (22)

ถึงด่านช่องเม็ก อย่าลืมแวะซื้อกาแฟดาวเรือง ของฝากขึ้นชื่อของประเทศลาว ที่ Duty Free นะครับ มี หลายรสชาติ หลายขนาด รสชาติดีทีเดียว ซื้อของฝากกันแล้ว ต้องเสียค่าธรรมเนียมฝั่งลาว 50 บาท สำหรับเอกสารขาออกประเทศ ครับ

ที่พักของเราวันนี้ ผมได้จอง ที่พัก โรงแรมเดอะราชธานี (The Ratchathani Hotel) 

297 ถนน เขื่อนธานี, ตัวเมืองอุบลราชธานี, อุบลราชธานี, ไทย 34000 (ดูแผนที่)

พอเก็บข้าวเก็บของกันแล้ว ก่อนเข้านอนเดินเที่ยว ถนนคนเดิน อุบลราชธานี ตั้งอยู่ถนนราชบุตร (ใกล้ทุ่งศรีเมือง) ยาวไปจนถึงริมมูล จะมีเฉพาะวันศุกร์ กับวันเสาร์ครับ สามารถเดินเข้าได้จากข้าง โรงแรมเดอะราชธานี (The Ratchathani Hotel) ได้ครับ

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

เดินทางวันที่สี่ (วันสุดท้าย)

โปรแกรมวันสุดท้าย ผมตั้งใจเดินเที่ยวรอบๆที่พัก แล้วเดินไปซื้อของฝากกลับบ้านกันครับ แต่ขั้นแรกต้องรองท้องกันก่อน เอาง่ายๆร้านใกล้ที่พักแล้วกันครับ ร้านอาหาร หยวนสเต็ก ซึ่งผมใช้บริการทั้งมื้อเช้า และมื้อเที่ยวด้วยครับ ราคาไม่แพง แถมขอบอกว่าน้ำชาที่นี่เติมไม่อั๊น แล้วรสชาติอาหารอร่อยมากครับ

Pakse (22)

เมนูเช้านี้ คือ สเต็กหยวนรวมพล ราคา 79 บาทครับ

Pakse (22)

อาหารมื้อเที่ยง คือ ข้าวหน้าปลาทอดเกาหลี ราคา 50 บาท น้ำชาหยวน แบบเติมไม่อั๊น 15 บาทเท่านั้นครับ

Pakse (22)

ท้องอิ่มกันแล้ว ได้เวลาเที่ยวแล้วครับ…

สถานที่แรก คือ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี เดิมเป็นศาลากลางจังหวัด สร้างเมื่อ พ.ศ. 2461 ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ บนที่ดินที่พระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว (มณฑลอีสาน) ประทับ ณ เมืองอุบลราชธานี ได้ทรงขอมาจากทายาทของราชบุตร (สุ่ย บุตรโลบล) คือ หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา (ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงสรรสิทธิประสงค์) เพื่อให้เป็นที่สาธารณประโยชน์สำหรับก่อสร้างสถานที่ราชการ

ในปี พ.ศ. 2526 นายบุญช่วย ศรีสารคาม ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ได้มอบอาคารศาลากลางหลังเก่าให้กรมศิลปากรทำการบูรณะ และใช้ประโยชน์จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อการบูรณะซ่อมแซมตัวอาคารและจัดแสดงนิทรรศการถาวรแล้วเสร็จ กรมศิลปากรได้กราบบังคมทูลเชิญสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ค่าเข้าชม 20 บาท

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

เดินลัดทางด้านบน บริเวณทางเข้า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี ก็จะพบทางเดินไป ศาลหลักเมือง อุบลราชธานี

ศาลหลักเมืองนี้ ตั้งอยู่ บนถนนศรีณรงค์ ทางทิศใต้ของทุ่งศรีเมือง และอยู่ทางทิศเหนือของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อุบลราชธานี เริ่มการก่อสร้างเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2515 และ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบัน สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พร้อมด้วยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฎราชกุมาร ได้เสด็จพระราชดำเนินทรงประกอบพิธีเปิด เมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2519

Pakse (22)

Pakse (22)

เดินตามทางไปศาลากลางจังหวัด จะเจอร้านของฝากจากอุบลราชธานี หลายร้านติดๆ กัน

Pakse (22)

แต่วันนี้ผมตั้งใจมา ร้านหมูยอ แม่ฮาย

Pakse (22)

Pakse (22)

ของฝากของผมวันนี้ มีหมูยอแบบดั้งเดิม 5 ชุด หมูยอธรรมดา 1 ห่อ ขนมอีก 1 ห่อ ซื้อแบบสบายอารมณ์เลย ^_^

Pakse (22)

ผมขออนุญาตนำรูปอาหารฝีมือท่านแม่ที่นำจากหมูยอร้านนี้มาให้ดูเป็นตัวอย่างว่าน่ารับประทานแค่ไหน รับรองไม่ผิดหวัง

Pakse (22)

Pakse (22)

ได้ของฝากกันแล้ว งานเลี้ยงยังมีวันเลิกลา เดินทางจากโรงแรมโดยเรียกแท๊กซี่บริการดีอุบล เบอร์ติดต่อ 045-317-777 ส่วนตัวผมว่าบริการดีมาก รถเยอะและมารับเร็วมากครับ

Pakse (22)

เดินทางกลับ กรุงเทพ ด้วยสายการบินไทย เวลา 17.35 น. ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เวลา 18.45 น.

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

Pakse (22)

สุดท้ายต้องขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านตั้งแต่แรกจนจบ ทริปต่อไปจะไปที่ไหน ติดตามชมรายละเอียดได้ที่

Fackbook : https://www.facebook.com/TeawMuNdotcom

หน้าแรกของเว็บ

แสดงความคิดเห็น

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.