เที่ยวต่างประเทศ

เที่ยวมาเลเซียด้วยตัวเอง

เที่ยวมาเลเซีย ด้วยตัวเอง

วางแผนเดินทางกันก่อน

แผนการเดินทาง ครั้งนี้ผมเลยวางแผนเริ่มต้นเดินทางไปมาเลเซีย 3 วัน 2 คืน พัก มะละกา 1 คืน กัวลาลัมเปอร์ 1 คืน เลยจองที่พัก ผมจองผ่าน agoda.com เว็บนี้

เดินทางวันแรก

แผนการเดินทางวันนี้ คือ เดินทางไปมะละกา แล้วเที่ยวมะละกากันครับ

เนื่องด้วยการเดินทางทริปนี้ได้ตั๋วราคาถูกอีกแล้ว เลยจัดการวางโปรแกรมเที่ยวมาเลเซียซะเลย

เที่ยวบินครั้งนี้ออกจากสนามบิน 07.10 น. เดินทางถึงมาเลเซีย 10.15 น. เวลาตามประเทศมาเลเซีย ซึ่งไวกว่าประเทศไทยหนึ่งชั่วโมงครับ

ถึงสนามบินนานาชาติมาเลเซีย Terminal LCC หรือที่รู้จักกันในนาม LCCT

ออกจาก LCCT ไปซื้อรถโดยสารไปมะละกา ผมเลยเอาแผนที่คร่าวๆ มาให้ดูครับ

เดินออกมาจะเจอ Starbuck เดินไปตามแผนที่จะเจอคนนั่งเจอเยอะๆ เดินเข้าประตูทางซ้ายแล้วสุดทางเลยครับ

จะเจอซุ้มขายตั๋วรถโดยสารจำนวนมาก โดยผมเลือกเดินทางด้วยรถบริษัท Transnasional ค่าตั๋ว 21.90 RM รอบเช้าสุด 11.30 น.

สภาพเบาะบนรถโดยสาร คนเต็มรถออกก่อนครับ ถ้าคนไม่เต็มก็ออกตรงเวลาอยู่ครับ

เดินทางมาชั่วโมงครึ่งเจอด่านผ่านทางครับ เรามีหน้าที่นั่งอย่างเดียวครับ

ให้เวลา 2 ชั่วโมง 30 นาที ถึงสถานีขนส่ง Melaka Sentral ครับ

เดินหาที่ขึ้นรถโดยสารเข้าเมืองมะละกากันต่อครับ เดินจากที่ลงรถ เลี้ยวขวาเจอ Macdonal ขวามือ ถัดไปจะเจอทางแยกซ้ายขวา เดินมาทางซ้ายโลดดด

จะเจอรถโดยสารจำนวนมาก จะเข้าเมืองต้องนั่งสาย 17 ครับ ค่าโดยสาร 1 RM สภาพรถทั้งเก่าและใหม่ครับ

ก่อนแนะนำเที่ยวมะละกาของนำแผนที่ที่พักกับที่เที่ยวมาฝากกันก่อนครับ โดยที่เส้นสีเขียวเป็นเส้นทางเดินจากที่ลงรถไปที่พัก เส้นสีชมพูเป็นเส้นทางเดินเที่ยวในช่วงกลางวัน และเส้นสีน้ำเงินเป็นเส้นทางเดินเที่ยวในช่วงกลางคืนครับ

หลังจากขึ้นรถแล้วได้ซักพักต้องลงบริเวณจุดที่ 1 ในแผนที่ครับ

เดินข้ามสะพานแล้วเดินถนนคนเดินมะละกา เจอร้านข้าวมันไก่ด้านซ้ายเลี้ยวขวาตรงมาสุดถนนครับ จะเจอสามแยกเลี้ยวขวาซักนิดจะเจอที่พักเลยครับ

เดินมาก็เจอ ที่พัก RiverOne Guesthouse ครับ ค่าห้อง 53.10 RM ห้องน้ำรวมครับ เตียงคู่ แต่ถ้าเตียงเดียว 41.90 RM ครับ

หลังจากเก็บข้าวของกันเสร็จแล้ว กองทัพต้องเดินด้วยท้องครับ เลยเดินออกมาจากเดิมตั้งแต่แรกเล็งร้านข้าวมันไก่ Riceball มะละการ้านนี้ไว้แล้ว จัดซะเลย ^__^

สั่งข้าวมันไก่ย่าง กับ Riceball ไก่ธรรมดา รสชาติข้าวอร่อยมากครับ แต่ Riceball ผมว่ามันออกเค็มๆครับ แต่ก็แปลกไปอีกแบบครับ

ตบท้ายด้วยเต้าหู้อร่อยดีครับ 7.00 RM แหนะ แพงไปนิด รวมค่าเสียหายมื้อนี้ 19.60 RM

จากที่พักเดินตามทางถนนคนเดินมีของเริ่มวางให้เดินเที่ยวกันแล้ว

สถานที่เที่ยวแรก คือ จุดที่ 1 บริเวณจัตุรัสดัชท์จะมีโบสถ์คริสต์มะละกา หอนาฬิกา และบ่อน้ำพุครับ

เดินเที่ยวต่อ

สถานที่เที่ยวที่สอง ที่จุดที่ 5 พิพิธภัณฑ์สมุทรศาสตร์ ค่าเข้าชม 3 RM

สถานที่ที่สาม คือ Menara Taming Sari (หอคอยมะละกา) คือหอคอยมะละกา สามารถหมุนขึ้นลง และหมุนรอบตัวเองได้ 360 องศา ค่าเข้าชม 20 RM ครับ

สถานที่เที่ยวที่สี่ คือ St. Paul Church หรือ โบสถ์ เซนปอล ซึ่งสามารถเดินลัดด้านข้างของ Menara Taming Sari สังเกตุทางเข้าจะมีป้ายบอกชัดเจนครับ

สถานที่เที่ยวที่ห้า คือ โบสถ์เซนต์ ฟรานซิส เซเวียร์ (Church of St. Francis Xanvier)

เดินข้ามถนนจะเจอป้าย Welcome to Melaka ครับ

เดินเที่ยวซะเหนื่อยเลย ถึงเวลาเข้าที่พักนั่งพักชาร์ตแบตเตรียมลุยต่อยามค่ำคืน เดินจากที่พักเดินออกมา

เดินมาได้ซักพักเจอกับป้าย Jonker Walk ซึ่งเป็นถนนที่เปิดให้เป็นถนนคนเดินมะละกาในช่วงเสาร์อาทิตย์ครับ

ไอศรีมปั่นกัับสตรอเบอรี่ กุบๆ ดีครับ 5 RM ครับ

ร้านขนมจีบ ซาลาเปา ฮะเก่า 3 ชิ้น 5 RM รสชาติอร่อยดีครับ

หลังจากเดินมาเป็นเวลาพักใหญ่ ได้เวลาเดินกลับที่พักเอาแรงลุยต่อพรุ่งนี้เช้าครับ

ในทีสุดก็ถึงที่พักแล้ว บรรยากาศดึกๆ อากาศเย็น แถมบรรยากาศดีด้วยครับ

ยังไงวันนี้การเที่ยวมะละกา ขอจบแค่นี้นะครับ รุ่งขึ้นผมกลับมาเที่ยวเมืองหลวงมาเลเซีย กัวลาลัมเปอร์ ยังไงติดตามอ่านกันต่อนะครับ ^__^

เดินทางวันที่สอง

แผนการเดินทางวันนี้ คือ เดินทางกลับจากมะละกาไปกัวลาลัมเปอร์ เพื่อเที่ยวกัวลาลัมเปอร์กันต่อครับ

เริ่มต้นด้วยการออกจากที่พักแต่เช้า โดยวางแผนออกจากที่พักตอนตีห้าครึ่ง เลยถ่ายบรรยากาศยามเช้ามืดมาให้ชมครับ

หลังจากถึงจัตุรัสดัชด์ รอรถโดยสารอยู่นาน เลยตัดสินใจขึ้นแท๊กซี่ซะเลย ค่าโดยสาร 15 ริงกิตครับ แล้วไหนๆ เสียตังทั้งทีแล้ว ถามโชเฟอร์ซะเลย เค้าบอกรอบแรกมีรถตอนเจ็ดโมงครึ่งครับ ผมคิดในใจมิน่ารอรถตั้งนาน ไม่มีเลย > <

ใช้เวลาเดินทาง 15 นาทีครับ ก็ถึงสถานีขนส่ง Melaka Sentral ครับ บรรยากาศยามเช้าที่นี่เย็นมากครับ

ขาเข้าเมืองหากจำกันได้ ผมบอกให้เดินไปทางซ้าย แต่ถ้าจะกลับกัวลาลัมเปอร์ ให้เดินไปทางขวา จะเจอบู้ทขายตั๋วไปกัวลาลัมเปอร์หลายบริษัทหลายเวลาครับ

บริษัทนี้เป็นผู้โชคดีที่ผมเลือกเดินทางด้วย เนื่องจากราคาตั๋วที่นี่เท่ากันหมดครับ ไปกัวลาลัมเปอร์ 12.20 ริงกิต แต่บริษัทนี้ออกเวลาไวสุดครับ ตอนแรกผมดูเวลาก็งงอยู่ว่าตามรอบที่แปะไว้ไม่มีรอบ 07.30 น. แต่แล้วเหลือบเป็นเห็นซ้ายสุดมีเขียนไว้ชัดเจนครับ ลง Pudu Raya Sentral ไม่ใช่ TBS ตามที่เคยวางแผนมากันครับ

รอขึ้นรถชานชาลา 7 ครับ สภาพรถตามรูปข้างล่างเลยครับ

ภายในรถเบาะกว้างสบายครับ เลือกนั่งที่ไหนก็ได้ ประมาณว่ารถโล่ง ใครขึ้นก่อนจองที่นั่งได้ก่อนเลยครับ แต่ถ้าขึ้นเช้าๆ แนะนำนั่งฝั่งซ้ายครับ จะไม่ค่อยเจอแดดแยงตาเท่าไหร่ ^_^

ใช้เวลาเดินทางเกือบ 3 ชั่วโมง ในที่สุดก็ถึงกัวลาลัมเปอร์ตอน 10.30 น. ครับ ที่จอดรถจะอยู่ชั้นใต้ดิน เจอขึ้้นมาจะเจอสภาพดังรูปครับ

เดินทางป้ายไป LRT เดินไปตามป้ายโลดครับ เทคนิคหาทางไม่ยากครับ คนเดินมาทางไหนเยอะๆ เราเดินไปทางนั้นรับรองไม่มีหลงในกัวลาลัมเปอร์ ^__^

ในที่สุดก็หาทางเดินมาเจอ สถานี LRT Plaza Rakyat

ก่อนจะเล่าเรื่องเดินทางเผื่อหลายท่านไม่ได้ติดตามตั้งแต่แรก ผมเลยเอาแผนที่มาลงให้ดูอีกรอบครับ

จากแผนที่เราอยู่สาย 3 ต้องนั่ง LRT ไปลงสถานี Masjid Jamek เพื่อเปลี่ยนเปนสายที่ 5 แล้วนั่งต่อไป KL Sentral เพื่อเก็บสัมภาระกับโรงแรมที่พักก่อนครับ

การซื้อตั๋วแสนสะดวกสบาย เป็น Touchscreen เปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษให้เข้าใจมากขึ้นครับ วิธีง่ายมากครับ > กด Single Journey Token > เลือกสถานีปลายทาง ของเราคือ KL Sentral หลายท่านอาจจะงงเพราะ LRT ที่มาเลเซียไม่ต้องออกนอกตัวสถานี สามารถเดินเชื่อมระหว่างสายได้เลยครับ แต่ถ้าท่านใดเลือก Masjid Jamek ต้องเดินออกสถานีแล้วซื้อตั๋วใหม่อีกรอบครับ พอได้สถานีแล้ว จะมีจำนวนเงินค่าโดยสารระบุไว้เลยครับ จากนั้นเลือกจำนวนคน แล้วกด OK เพื่อใส่เงินตามค่าโดยสาร ซึ่งตู้อัตโนมัติจะรับแค่เหรียญกับธนบัตรไม่เกิน 5 ริงกิตนะครับ แต่ความสามารถพิเศษอีกอย่างคือสามารถทอนเงินเป็นธนบัตรได้ครับ ไม่ต้องกลัวจะได้เหรียญเยอะครับ

บรรยากาศภายใน LRT คล้ายๆบ้านเราเลยครับ แต่รถที่นี่จะวิ่งเร็ว แต่จำนวนขบวนจะน้อยกว่าบ้านเรา ประมาณว่าไปได้น้อย แต่ถี่รอบอะ ^_^

ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ LRT Masjid Jamak จะเจอมัสยิดประจำเมืองกัวลาลัมเปอร์ เดินเลาะๆมาจะเจอสถานีของ LRT สายที่ 5 ครับ

สถานีปลายทาง KL Sentral ฉะนั้นต้องขึ้น Platform 2 ครับ

ใช้เวลาเดินทางบวกกับเดินระหว่างทางเชื่อม ประมาณ สิบห้านาที ก็ถึงสถานี KL Sentral ปลายทางของเราวันนี้ ^__^

หลังจากชมบรรยากาศสถานีกันแล้ว ถึงคราวพาไปที่พักวันนี้กันแล้ว ที่พักผมวันนี้จอง ที่พัก Myhotel @ Sentral ไว้ ก่อนอื่นๆ ต้องมีแผนที่สถานี KL Sentral ประกอบกันซักหน่อย ก่อนจะพา แนะนำวิธีการเดินทางไปที่พัก Myhotel @ Sentralครับ

จากทางขึ้น LRT เดินขึ้นมาทางออกตามลูกศร แล้วลงบันไดเลื่อนมาชั้นใต้ดิน

เดินลงบันไดเลื่อนมาแล้ว เป็นชั้นใต้ดิน เห็นรถจอดอยู่ เดินข้ามถนนเลี้ยวซ้ายไปทางป้าย แล้วตรงตามทางมาเรื่อยๆ ครับ

เดินมาซักพักจะเจอถนนใหญ่ เดินข้ามถนนมาจะเจอป้ายโฆษณาราคาห้องพักของโรงแรมครับ

ข้ามถนนมาไม่ไกลเราก็ถึงที่หมายคือ ที่พัก Myhotel @ Sentral ค่าเสียหาย 108 RM ครับ ^___^

ร้านอาหาร Oldtown White Coffee ร้านอาหารหลักของเราที่กัวลาลัมเปอร์ครับ

หลังจากเก็บข้าวเก็บของกันแล้วเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาอาหารเที่ยงกันแล้วครับ

ร้านอาหาร Oldtown White Coffee แบบเจาะลึกกันเลยทีเดียว คลิกไปชมได้ครับ

เริ่มต้นด้วยเมนูอาหารที่ขายภายในร้านครับ

การสั่งอาหารก็ง่ายนิดเดียว เขียนรหัสอาหารที่จะกินลงไป แล้วให้พนักงานรับ Order ซักพักอาหารก็จะมาตามที่สั่งไว้ครับ

อาหารที่สั่งมื้อนี้มีสองอย่าง เครื่องดื่มเย็นอีกสองอย่าง แบบว่าจัดเต็มครับ ^__^ ตามเมนูมันคือเส้นหมี่คล้ายๆอุด้งต้มยำรวมมิตร กับกาแฟเย็นประจำร้านครับ

อีกเมนูเป็น อาหารประจำชาติมาเลเซีย ถ้าพูดแบบบ้านๆ คือ ข้าวคลุกน้ำพริกกินกับเครื่องเคียงไก่ทอด ถั่ว ไข่ต้ม ตัดเผ็ดอร่อยทีเดียว กินกับ ชาดำเย็นบ้านเรานี่แหละครับ

หน้าตาอาหารกับเครื่องดื่มน่าทานไหมครับ ขอบอกรสชาติเยี่ยมเลยทีเดียว ทั้งอาหารเครื่องดื่ม หรือเพราะหิวจัดก็ไม่รู้ ^___^

ตบท้ายด้วยของหวานลอดช่องกับชาเย็น จริงๆเป็นของขึ้นชื่อที่มะละกาไหนๆ ก็ไม่ได้กินที่มะละกาแล้ว กินที่นี่ซะเลย แปลกดี แต่ก็อร่อยครับ อิ่มหนำสำราญกันแล้ว ได้เวลาเที่ยวกันแล้วครับ

หลังจากอิ่้มหนำสำราญกันแล้ว

สถานที่แรกวันนี้ คือ ตึกแฝดเปโตรนาส ท่านใดมาเที่ยวมาเลเซียไม่ได้มาถ่ายรูปกับตึกนี้เหมือนมาไม่ถึงมาเลเซียนะครับ

เริ่มต้นด้วย LRT จากสถานี KL Sentral ไปสถานี KLCC เพื่อไปเยี่ยมชมตึกแฝดเปโตรนาสครับ

พอเดินขึ้นจากสถานี KLCC ทางออกสถานีจะเจอกับห้าง Suria ต้องหาทางออกห้างไปยังจุดถ่ายรูปยอดฮิตครับ ซึ่งจะอยู่ด้านหน้าระหว่างตึก 1 กับ ตึก 2 ครับ

เดินตั้งนานกว่าจะเจอทางออก ซึ่งภาพหลังจากนี้ บรรยายความงามจากภาพและกันครับ ซึ่งแดดร้อนก็ยอมร้อนเพื่อจะได้ภาพมา ^_^

หลังจากถ่ายรูปซักพักเดินเข้าชมภายในกันบ้างดีกว่า ทางเข้าอยู่ตรงกลางระหว่างตึกทั้งสองเลยครับ ภายในมีนิทรรศการเกี่ยวกับตึก และสามารถขึ้นไปชมบนตึกได้เช่นกัน แต่พอเห็นราคาตั๋ว 50 RM สำหรับเที่ยวชม ชึ้นที่เป็นทางเชื่อมและชั้นบนสุด กับ 25 RM สำหรับขึ้นไปชั้นที่เป็นทางเชื่อมเฉยๆ แถมใช้เวลาถ่ายรูปไม่เกิน สิบห้านาที ซึ่งปัจจุบันไม่ต้องจองล่วงหน้าแล้วครับ มาซื้อแล้วขึ้นได้เลยเห็นราคาเลยถ่ายรูปข้างล่างก็ได้ เสียดายตัง > <

หลังจากชมตึกแฝดช่วงกลางวันกันแล้วเลยเอารูปตึกแฝดบรรยากาศกลางคืนมาคั่นกลางรายการเลยครับ

หลังจากเที่ยวตึกแฝดเปโตรนาสเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

สถานที่เที่ยวที่สองของวันนี้ คือ ถ้ำบาตู เป็นถ้ำของศาสนาฮินดู เดินทางด้วย KTM Komuter ไปสถานี Batu Cave ได้เลยครับ

ค่าตั๋วไป 1 RM เท่านั้นครับ ถูกมาก ให้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที

ในที่สุดก็ถึง สถานี Batu Cave อากาศร้อนมากกก

ถึงเวลาเดินทางกลับ KL Sentral สนนราคา 2 RM แพงกว่าขาไป เนื่องจากสภาพรถไฟดีกว่านั่งสบายกว่า ตั๋วเลยแพงกว่าเป็นเรื่องธรรมดา T T

พอมาถึง สถานี KL Sentral เดินไปขึ้น Monorail ซึ่งต้องเดินลงสถานี Komuter KL Sentral ไปทางเดียวกันที่พัก เดินข้ามถนนมาที่พัก แต่เดินเลี้ยวขวาก็จะถึงสถานี Monorail KL Sentral ไปเดินดูของห้าง Pavilion กันต่อ เพราะไม่มีตังชอปป T T

เดินทางมาลงสถานี Monorail Bukit Bintang ค่าตั๋วประมาณ 2.10 ริงกิตครับ

จากสถานี เดินลงมาเดินไปทางเดียวกับ Monorail วิ่งเลยครับ จะเจอสี่แยกไฟแดงนี้ เดินไปทางขวาข้ามถนน แล้วตรงโลดอย่างเดียว ห้าง Pavilion อยู่่ด้านหน้าครับ

หลังจากเดินวนดูของอยู่ชั่วโมงนึง ได้เวลาเดินทางกลับที่พักกันแล้ว พร้อมทั้งหาอะไรรองท้องกันด้วย สุดท้ายจบร้านเดิมอีกแล้ว ^__^

พออิ่มหนำสำราญกันแล้ว ต้องเข้าที่พักอาบน้ำนั่งพักให้หายเมื่อยกันพักใหญ่เลยวันนี้ เหนื่อยและร้อนมาก ฝนเจ้ากรรมดันตกมาซะนี่ แถมหนักอีกต่างหาก ทำให้โปรแกรมเที่ยวกลางคืนของผมต้องเป็นอันพับไปครับ แอบเซงนิดๆ แต่ก็คิดว่าได้พักให้หายเหนื่อยและกันครับ

เดินทางวันที่สาม (วันสุดท้าย)

วันนี้ขอเที่ยวเก็บตกกัวลาลัมเปอร์ช่วงเช้าแล้วช่วงบ่ายจะพาไปปุตราจายากันครับ

ซึ่งสถานที่เที่ยวแรก ของวันนี้คือ Masjid Jamak โดยนั่ง LRT มาลงสถานี Masjid Jamak ได้เลยครับ

เห็นทางออก เดินมาทางซ้ายนิดเดียวก็เจอแล้วครับ Masjid Jamak ^__^

เดินเที่ยวกันเสร็จแล้ว เดินเที่ยวกันต่อ

จุดหมายต่อไปของเราคือ จัตุรัสเมอเกด้า เดินจาก Masjid Jamak มาทางซ้าย เดินไฟแดงเลี้ยวซ้าย

เดินข้ามสะพานข้ามคลองมานิดเดียว ก็จะเจอแล้วครับ วันนี้โชคดีมากเพราะได้ชมการแสดงของทหารม้าด้วยครับ

บริเวณจัตุรัสเมอเกด้า จะมีเสาธงที่สูงที่สุดในโลก เป็นเสาธงประวัติศาสตร์ของประเทศมาเลเซียครับ

เดินถ่ายรูปกันหนำใจกันแล้ว ต้องทำเวลากันนิดนึง เพราะยังไม่ได้ Check-Out จากโรงแรมเลย

จุดหมายต่อไปคือ Central Market จากดูข้างบนจะเห็นสี่แยกไฟแดง เดินเลี้ยวซ้ายจากแยกข้ามคลองไปจะเจอแยก แล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณสองร้อยเมตรก็จะเจอแล้วครับ

จุดหมายต่อไปหลักจากเที่ยวชม จัตุรัสเมอร์เกด้ากันแล้ว คือ Central Market ครับ

จากรูปด้านบนจะเจอสี่แยกเดินไปทางซ้ายเลยครับ

พอดีผมเดินเลยแยกมาแวะถ่้ายรูปก่อน เลยต้องข้ามถนนไปฝั่งตรงข้ามแล้วเดินตรงอย่างเดียวเลยครับ

เดินข้ามคลองกันมาแล้ว จะเจอทางให้เดินขึ้นไม่ต้องเดินขึ้นนะครับ เดินออกซ้ายเลาะมาเรื่อยๆ ก็จะถึง Central Market แล้วครับ

ในที่สุดก็ถึงแล้ว Central Market ^__^

เจอป้ายทางเข้าหลักแล้ว ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันซะหน่อย ก่อนเข้าไปชอปปิ้งคลายร้อนซะหน่อย

เดินเข้ามาสวรรค์เลยครับ แอร์เย็นมาก เพราะเดินลุยแดดตอนเช้ามาหลายชั่วโมงแล้ว

จุดแลกเงินที่อัตราแลกเปลี่ยนดีกว่าประเทศไทยอีกครับ

หลังจากเดินได้ซักพัก หาทางไป ChinaTown @ Malaysia เลยทหารท่านนี้ หน้าแกเหมือนจะดุแต่พอได้พูดคุยใจดีมากครับ แถมเดินไปส่งอีกต่างหาก เลยขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย ^__^

เดินมาไม่ไกลมาก ในที่สุดก็ถึงแล้วครับ ChinaTown @ Malaysia

ป้ายทางเข้าหลักครับ Petaling Street หรือที่รู้จักกันคือ ChinaTown @ Malaysia

เดินเสร็จหาทางกลับ LRT KL Sentral ซึ่งสถานีใกล้สุดคือ LRT Pasar Seni เดินออกมาทางคลองเลี้ยวซ้ายเลาะมาหน่อยก็เจอแล้วครับ

ในที่สุดการเดินทางเที่ยวช่วงเช้าก็สิ้นสุดลง จากนั้น Check-out จากโรงแรมสะพายเป้ที่แบกมา ตะลุยจุดหมายสุดท้ายก่อนกลับสนามบินครับ “เมืองใหม่ ปุตราจายา”

การเที่ยวมาเลเซียครั้งนี้ เหลือช่วงบ่ายของวันสุดท้าย เลยตัดสินใจเดินทางมาเที่ยว ปุตราจายากันครับ

การเดินทางไปปุตราจายาสามารถมาได้ทางเดียวที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือ KLIA Transit ค่าตั๋ว 9.50 RM จาก LRT KL Sentral

ลงจากที่ Platform เจอรถไฟ KLIA Express จอดอยู่เลยถ่ายรูปมาให้ดูครับ

นั่งรอรถไฟพักใหญ่ก็มี KLIA มาเทียบท่าชานชาลาฝั่งตรงข้ามครับ แต่รถไฟ KLIA Transit ยังไม่มา เพราะตามกำหนดเวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงมาทีครับ

ในที่สุดก็มาถึง รถไฟของเรา KLIA Transit สภาพรถไฮโซ เหมือน KLIA Express เลยครับ ต่างกันแค่จอดทุกสถานี ^_^

ความเร็วถือว่าวิ่งเร็วมากครับ แถมแต่ละสถานีตรงเวลาด้วยครับ รถไฟ Airport Link บ้านเราน่าไปศึกษาดูงานครับ

ใครจะขึ้นไปต่อรถก็สามารถส่งสถานี Bandar Tasik Selatan ถือว่าเป็นสถานีขนส่งที่ใหญ่มากที่เดียว

ใกล้จะถึงสถานี ปุตราจายา แล้วครับ ก่อนลงถ่ายบรรยากาศอีกซักรอบครับ

ถึงแล้วครับ สถานีปลายทางของเรา แต่ปกติการลงต้องกดปุ่มด้วยครับ หากประตูไม่เปิดอัตโนมัติ

เดินลงบันไดเลื่อนจากสถานี จะเจอสถานีรถโดยสาร Putrajaya Sentral

มีรถโดยสารจอดเรียงรางจำนวนมาก หากจะเที่ยวเมืองใหม่ปุตราจายา เข้าชมตัวเมืองใหม่ ต้องเลือกสายที่ไป Nadri Putra ซึ่งมีสายที่จะไปหลายสาย เช่น NadiPutra 100, NadiPutra 101, NadiPutra 102, NadiPutra 200, NadiPutra 300, NadiPutra 301, NadiPutra 400, NadiPutra 401, NadiPutra 500, NadiPutra 501, NadiPutra 800, NadiPutra 900, NadiPutra 901

ค่าโดยสาร 0.50 RM เท่านั้นครับ ผมเลยเลือกเดินทางกับ NadiPutra 101 ชานชาลา 11 เพราะกำลังออกเลยครับ โดดขึ้นซะเลย ขึ้นมาแบบว่ามีฉันคนเดียว 555

ออกมาได้ซักพัก จะเจอกับคอนโดน้อยใหญ่เรียงรายกันเยอะขึ้น

มีคนค่อยพาเด็กข้ามถนนด้วย บ้านเราน่าเอาเป็นตัวอย่างมากครับ

มี Sport Complex ด้วย อะไรจะขนาดนั้น

Landmark ประจำเมืองใหม่ ปุตราจายาครับ

ผ่านสะพานข้ามจะเห็นมัสยิดสีชมพู จุดหมายปลายทางของเราวันนี้ครับ

โรงพยาบาลใหญ่มากครับ แบบว่า ระบบสาธารูปโภคครบ เป็นเมืองที่น่าอยู่เมืองนึงเลยครับ

ถึงป้ายรถเมล์ที่ต้องลงเดินเที่ยวต่อกันแล้ว ยังไงผมเอาแผนที่อธิบายประกอบนะครับ

การเดินเที่ยวสามารถเดินจากป้ายรถเมล์ผ่านสวนเข้าไปได้เลยครับ ถามว่าำไกลไหม เดินเพลินก็ไม่ไกลเท่าไหร่ แต่ถ้าแดดร้อนเอาเรื่องอยู่ครับ

ระหว่างทางเดินถ่ายรูปเรื่อยเปื่อยครับ

เดินมาซักพักจะเจอธงมากมาย บ่งบอกว่าเราถึงแล้วครับ เดินวนไปทางขวาได้เลยครับ

เดินวนขวาทวนเข็มนาฬิกามา จุดแรกจะเจอ Perdana Putra เรียกง่ายๆ ที่ว่าราชการนายกรัฐมนตรีบ้านเราอะครับ

เดินมาอีกนิดไม่ไกลมาก จะเจอมัสยิดสีชมพูแล้วครับ

มัสยิดสีชมพูแห่งนี้ไม่เสียค่าเข้าชมครับ แต่หากท่านใส่กางเกงขาสั้น หรือกระโปรงสั้นกว่าเข่า จะโดนไล่ไปใส่ชุดคลุมด้านขวาทางเข้าครับ

ภายในชมความสวยงามจากภาพเอาและกันนะครับ อลังการสุดจะบรรยายจิงๆครับ

ทางเข้าชมภายในครับ จริงๆทางสถานที่ห้ามถ่ายรูปนะครับ ผมเผลอถ่ายมาแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ได้ว่าอะไร แค่อธิบายเฉยๆ และเข้าใจว่าเรานับถือศาสนาพุทธครับ

ถ่ายรูปข้างในไม่ได้ เลยเก็บบรรยารอบๆมาให้ชมกันครับ

เดินวนขวามาอีกนิดจะเจอทางลงบันไดเลื่อน เป็น Food Center ริมทะเลสาบที่ขุดเองจากมนุษย์ครับ

เดินถ่ายรูปซักแปบ ได้เวลาเดินกลับกันดีกว่าครับ เดี๋ยวไม่ทันเครื่องเอา อีกอย่างอากาศร้อนมากครับ

ขากลับนั่งรถกลับมาจากป้ายรถเมล์เดิมครับ กลับสาย NadiPutra 100 ครับ ค่าโดยสาร 0.50 RM เท่ากันครับ

หลังจากถึงสถานีรถโดยสารแล้ว ซื้อตัว KLIA Transit ไป LCCT ค่าตั๋ว 5.50 RM ราคาดังกล่าวรวมรถ Shuttle Bus จาก สถานี Salak Tinggi เพื่อเข้าตัวสนามบินต่อไปครับ

หลังจากตั๋วกันเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาเดินทางไปรอเครื่องที่ LCCT แล้วครับ

หลังจากเที่ยวปุตราจายากันแล้ว ได้เวลาเดินทางไปสนามบิน LCCT กันแล้ว ด้วยรถไฟ KLIA Transit ลงสถานี Salak Tanggi แล้วขึ้น Shuttle Bus ไป LCCT ราคา 5.50 RM ครับ

เดินทางมาซักครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้วครับ LCCT ผมนั่งใน Food Center ที่นี่คนไม่เยอะครับ แถมแอร์เย็นฉ่ำ มีทั้งไฟชาร์ตแบตเตอรี่ให้เล่นรอเวลาได้ครับ

เนื่องจากได้เช็คอินทางโทรศัพท์มาแล้ว จะ Barcode มาสแกนเพื่อรับตั๋วเครื่องบินได้เลยครับ สะดวกสะบายมากครับ

ตรวจสอบ Gate ขึ้นเครื่องมาประเทศไทยที่เคาร์เตอร์ R1-R13 ครับ

หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว ได้เวลาขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพกันแล้วครับ เนื่องจากไม่ได้จองอาหารไว้ รวมทั้งดึกแล้วท้องมันเลยร้องเลยสั่งเป็นชุด Pastry Box 90 บาท หรือ 10 RM กินบนเครื่องครับ

ในที่สุดการเดินทางทริปนี้ก็สิ้นสุดลง ยังไงติดตามกันต่อนะครับ โปรแกรมทริปหน้าจะเป็นที่ไหน ติดตามอ่านกันต่อครั้งต่อไปได้ที่

Facebook : http://www.facebook.com/TeawMuNDotCom
Website : www.teawmun.com

หน้าแรกเว็บ